ร้านหนังสือญี่ปุ่นที่ Japan Town

เผยภาพพร้อมคลิป! จระเข้ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวปัจจุบัน

ภู กระดึง ขุนเขามหัศจรรย์แห่งเมืองเลย

ภูกระดึง
ภูกระดึง ภูเขาที่มีความมหัศจรรย์ ของเมืองเลย
กันว่า ….หากอยากพิสูจน์รักแท้ ให้พาคนที่เรารักไปร่วมพิสูจน์รักด้วยการเดินทางพิชิตยอดภูของ อุทยานแห่ง ชาติภูกระดึง และถ้าหากเขาคนนั้น สามารถร่วมเดินทางไปกับคุณจนกระทั่งถึงยอดดอย และคอยช่วยเหลือดูแลกันและ กันเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ เขาก็คือรักแท้ของเราเป็นแน่แท้!!!

นี่คือตำนานคำกล่าวขานที่มัก ได้ยินเสมอๆ เมื่อเอ่ยถึง ภูกระดึง หรือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการที่เราจะขึ้นไปถึงยอดดอยได้ ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร คือขึ้นเขา 5 กิโลเมตร บวกทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร (โห…ไหวไหมเนี่ย) ซึ่งนอกจากจะมีคู่รัก
ไปสัมผัสพิสูจน์รักแท้แล้ว ภูกระดึง มักจะได้รับความนิยมในการไปแบบกลุ่มเพื่อนๆ อีกด้วย และ
ทุกคนที่ได้ไปสัมผัสต่างพูด เป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนเดินเหนื่อยมาก ๆ แต่พอได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติข้างบน ภูกระดึง แล้วคุ้มค่าสุด ๆ
แหม … มีเสียงการันตีความท้าทาย ผจญภัย และน่าไปสัมผัสแบบนี้คงอดใจไม่ได้แล้วที่จะไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภูกระดึง … เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักอุทยานแห่งนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ภูกระดึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ภูกระดึง เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึง ประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี บนยอด ภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยว ปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอด ภูกระดึง สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ภูกระดึง
สำหรับ การเดินทางขึ้น ภูกระดึง นั้น ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย
          อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย จะเปิดฤดูท่องเที่ยวอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 – 31 พฤษภาคม 2554 หลังปิดฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง
ภูกระดึง, ผานกแอ่น
ผานกแอ่น  
เป็น ลานหินเล็กๆ มีสนต้นหนึ่ง ขึ้นโดดเด่นอยู่ริมหน้าผา เป็นจุดท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สำคัญอยู่จากที่พักศูนย์วังกวางเพียง 2 กิโลเมตร ในทุกเช้าของหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันมากและ มักจะมีการชิงทำเลดีๆ เสมอ สมัยนี้ทางไปมักมีช้างอาละวาด ตอนเช้าจะต้องไปพร้อมเจ้าหน้าที่เสมอ ห้ามไปเอง เป็นอันขาด นอกจากนั้น หากอากาศดีพอ ในช่วงเวลาที่เดินเท้าฝ่าความมืดมาชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับ เวลาที่พระจันทร์กำลังจะลับขอบฟ้า ด้านตะวันตกนั้นจะได้เห็นภาพสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ ซึ่งจะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือน มีนาคม-เมษายน และใครที่อยากไปชมประอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้วย
ภูกระดึง
ผา หล่มสัก 
ผา หล่มสัก ถ้าไม่มาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ ก็เหมือนไม่ได้มาเยือนภูกระดึง…หลายคนถึงกับออกปากไว้แบบนั้น ตัวผาหล่มสักอยู่ห่างจากผาแดง 2.5 กิโลเมตร หากเดินมาจากแยกศูนย์โทรคมนาคมกองทัพอากาศ บนเส้นทางน้ำตก แต่ถ้าเดินจากที่พักศูนย์วังกวาง จะมีระยะประมาณ 9 กิโลเมตร หากจะมาต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะขากลับจะมืดกลางทางอย่างแน่นอน ด้วยลักษณะแผ่นหินแปลกตากับโค้งกิ่งสนที่รองรับกันพอดิบพอดีเช่นนี้ นักท่องเที่ยวจึงนิยมจะใช้เป็นจุดชมวิว ดูดวงอาทิตย์ตกดิน และน่าจะถือได้ว่าเป็นภาพที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แนะนำสักนิดสำหรับผู้ที่จะไปชมประอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง

ภูกระดึง, ผาหมากดูก
ผา หมากดูก
ผาหมาก ดูก อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2.5 กิโลเมตร เป็นผาที่มีลานหินกว้างขวาง เป็นผาสำหรับชมพระอาทิตย์ตกที่ใกล้ที่พักมากที่สุด สามารถชมทิวทัศน์ภูผาจิตในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ในช่วงต้นฤดูฝนจะมีดอกกระเจียวขึ้นเต็มทุ่งตามเส้นทางสู่ผาหมากดูก

ภูกระดึง, น้ำตกวังกวางน้ำตกวังกวาง
ชื่อก็บอกอยู่แล้ว น้ำตกวังกวางอยู่ใกล้ที่พักศูนย์วังกวางมากที่สุด โดยมีระยะทางห่างแค่ราว 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ห้วยเล็กๆ ที่โอบล้อมที่พักอีกด้านจะไหลลงน้ำตกที่นี่ วังกวางเป็นน้ำตกเล็กๆ ชั้นที่สูงสุด จะสูงประมาณ 7 เมตร ด้านข้างของน้ำตกมีทางแคบๆ สำหรับปีนลงไปทีละคน จะพบหลืบหินมีลักษณะคล้ายถ้ำใต้น้ำตก น้ำตกวังกวางจะมีความสวยงามมากในช่วง ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – ตุลาคม บริเวณนี้จะมีทากชุม เพราะเป็นด่านช้าง หรือทางช้างเดิน ส่วนในฤดูท่องเที่ยวซึ่งเป็นฤดูแล้ง ปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมได้ง่ายใกล้ที่พัก

ภูกระดึง, น้ำตกถ้ำสอเหนือ
ภูกระดึง, น้ำตกถ้ำสอเหนือ
น้ำตกถ้ำสอเหนือ
อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 4.8 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูง 10 เมตร น้ำไหลมาจากผาเป็นม่านน้ำตก บริเวณเหนือน้ำตกมีดงกุหลาบแดง ซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะผลิดอกสร้างสีสรรค์ให้ กับบริเวณนี้สวยงามยิ่งขึ้น
ภูกระดึง
น้ำตกเพ็ญพบ ใหม่ 
น้ำตกเพ็ญพบ ใหม่  เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว ใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตก จะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำยามแดดสาดส่องผ่าน ลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกในต่างประเทศ
สระ อโนดาด
สระอโนดาด อยู่ ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2.7 กิโลเมตร เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่นักที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ใกล้กันยังมีลานกินรี ซึ่งเป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ ทั้งพวกกินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิร์น เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึ้นอยู่เต็มไปหมดด้วย
ภูกระดึง, สระอโนดาด
นอกจาก ที่เอ่ยมาแล้ว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกรัตนา น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำตกพระองค์ น้ำตกธารสวรรค์ ผาแดง ผาส่องโลก ผานาน้อย ผาจำศีล สวนสีดา ลานกินรี ลานวัดพระแก้ว และอีกมากมายบรรยายกันไม่หมด ดังนั้น ใครที่ชอบเดินป่า ปีนเขา และสัมผัสธรรมชาติแบบถึงเนื้อถึงตัว ภูกระดึง คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่คุณจะพลาดไม่ได้ค่ะ

การเดินทาง ไปท่องเที่ยวภูกระดึง

รถโดยสารประจำทาง
โดยสาร รถยนต์จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ผานกเค้า ซึ่งเป็นเขตต่อแดนระหว่างชุมแพ-ภูกระดึง แล้วโดยสารรถประจำทาง(รถสองแถว) ไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึงควรใช้รถประจำ หรือหากนักท่องเที่ยวใช้รถประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ลงที่ชุมแพ และต่อรถสายขอนแก่น-เลย ไปลงที่ตลาดอำเภอภูกระดึง ซึ่งจะมีรถสองแถวต่อถึงไปอุทยานฯ ปล. รถสองแถวแดงที่รับจ้างนำนักท่องเที่ยวส่งระหว่างจุดจอดรถที่ผานกเค้ามาที่ ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง คำแนะนำคือ ถ้าเรามาไม่กี่คนให้รวมทีมกับกรุ๊ปอื่นจะได้เฉลี่ยค่าสองแถวไม่ต้องเหมารถ ให้เปลืองสตางค์
รถไฟ
จากกรุงเทพมหานครโดยสารรถไฟไป ลงที่ขอนแก่น จากนั้นโดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยังหน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถว หรือเดินทางต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นยอดภู อีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึง “หลังแป” แล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักบนยอดภูกระดึงทางอุทยานฯ ได้จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม (วิธีนี้ปัจจุบันไม่ค่อยนิยม)
รถส่วนตัว
 เดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง
        1. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
         2. ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่านและตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
         3. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 – 16.30 น.
ภูกระดึง
ค่าธรรมเนียม และ หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามในประกาศกรมอุทยานฯ เรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับบุคคลเข้าไปในอุทยานฯ จำนวน 33 แห่ง โดยกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับบุคคลเข้าไปในอุทยานฯ คือ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป (อัตราปัจจุบันคือ ชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 40 บาท เด็ก 20 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าฟรี  ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท)

อัตราค่าบริการ รับจ้างหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 30 บาท 

นักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะ เข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ขอให้ติดต่อ สอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้า ทั้งที่พักประเภทเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติและพื้นที่กางเต็นท์สำหรับนักท่อง เที่ยวที่นำเต็นท์มาเองตามแผนผังจุดพักแรม ก่อนเดินทาง
ได้โดยตรง ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์หมายเลข 0-4287-1333 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และหมายเลข 0-4287-1458 ระหว่างเวลา (07.00 น.-16.30 น.)

หรือติดต่อ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท. สำนักงานเลย
พื้นที่รับผิดชอบ : เลย,หนองบัวลำภู
ที่ว่าการอำเภอเมืองเลย (ตึกเก่า) ถ.เจริญรัฐ อ.เมือง จ.เลย 42000
โทรศัพท์. 0 4281 2812
โทรสาร. 0 4281 1480
อีเมลล์ : tatloei@tat.or.th
ท้ายสุดฝากไว้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติบน ภูกระดึง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน จึงจะเที่ยวชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ซึ่ง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดให้เที่ยวบนยอด ภูกระดึง ได้เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ช่วงระหว่างมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปี ทางอุทยานฯ จะปิดเพื่อปรับสภาพธรรมชาติ ให้ฟื้นตัวและปรับปรุงสถานที่พักสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ฉะนั้น เช็คก่อนออกเดินทางกันด้วยล่ะ
ภูกระดึง
เส้น ทางที่ต้องเดินขึ้นที่ยอดภูกระดึง
เป็นเส้นทางเก่าแก่และได้รับ ความนิยมมากที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเขาในเส้นทางนี้ได้ที่อำเภอภูกระดึง ณ ที่ทำการอุทยาน ในเส้นทางขึ้นจะมีบริเวณที่พักหลายช่วง โดยแต่ละช่วงจะเรียกว่า ซำ  ซึ่งหมายถึงบริเวณที่มีน้ำขัง มักเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่ามาพักกินน้ำ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะต้องผ่านทั้งหมด 7 ซำ ไล่ตามความสูง จากน้อยไปมากได้ดังนี้
ระยะทางเดินขึ้นเขา 5.5 กม. ทางราบ 3.5 กม.
ซำแฮก คำว่า แฮก นักท่องเที่ยวทั่วไปมักล้อเลียนว่ามีความหมายถึงอาการหอบ (ซึ่งคนเรามักจะออกเสียง แฮกๆ) แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า แฮก นี้หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภาษาท้องถิ่น ระยะทางที่ต้องเดินจากที่ทำการไปยังซำแฮกยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
ซำบอน หมายถึงบริเวณที่ต้นบอนขึ้นเยอะ ระยะทางที่ต้องเดินจากซำแฮกไปยังซำบอนยาวประมาณ 700 เมตร
ซำกกกอก หมายถึงบริเวณที่ต้นมะกอกขึ้นเยอะ ระยะทางที่ต้องเดินจากซำบอนไปยังซำกกกอกยาวประมาณ 360 เมตร
ซำกกหว้า หมายถึงบริเวณที่ต้นหว้าขึ้นเยอะ. ระยะทางที่ต้องเดินจากซำกกกอกไปยังซำกกหว้ายาวประมาณ 880 เมตร
ซำกกไผ่ หมายถึงบริเวณที่ต้นไผ่ขึ้นเยอะ ระยะทางที่ต้องเดินจากซำกกหว้าไปยังซำกกไผ่ยาวประมาณ 580 เมตร
ซำกกโดน ระยะทางที่ต้องเดินจากซำกกไผ่ไปยังซำกก โดนยาวประมาณ 300 เมตร
ซำแคร่ ระยะทางที่ต้องเดินจากซำกกโดนไปยังซำแคร่ยาวประมาณ 588 เมตร
โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเริ่ม จากที่ทำการไปยังซำแฮก และเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงซำแคร่ ในแต่ละซำจะมีร้านค้าคอยให้บริการนักท่องเที่ยวเพื่อพักรับประทานอาหารหรือ เครื่องดื่ม และห้องน้ำ โดยหลังจากซำแคร่ซึ่งเป็นซำสุดท้ายนักท่องเที่ยวก็ต้องขึ้นไปอีกประมาณ 1020 เมตร เพื่อเข้าสู่ยอดเขาในส่วนที่เรียกกันว่าหลังแป ทางที่จะขึ้นไปยัง ซำแฮก และ หลังแป จะเป็นเส้นทางที่มีความชันมากที่สุด หลังจากขึ้นถึงหลังแป นักท่องเที่ยวต้องเดินทางราบอีกประมาณ 3.6 กิโลเมตรเพื่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนยอดเขา เพื่อตั้งเต๊นท์หรือ ที่พักอาศัยอื่นๆ ณ จุดยอดเขานี้นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นป่าสนมากมายเรียงรายกันตลอดทาง
เตรียมตัวก่อนขึ้นภูกระดึง
เตรียม ตัวก่อนขึ้นภูกระดึง ระยะทางเดินขึ้นเขา 5.5 กม. ทางราบ 3.5 กม.
 สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมไปได้แก่
– เสื้อกันหนาว เอาแบบที่กันลมหนาวดีๆ นะครับ ถ้าจะให้ดีเอาแบบที่มีฮู้ดด้วยจะดีมาก เผื่อเอาไว้ใช้แทนหมวกในกรณีที่หมวกหาย หรือลืมหมวก
– หมวกไอ้โม่ง หรือไม่ก็หมวกไหมพรม แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นแฟชั่น ก็คือหมวก ไหมพรมที่มีขายอยู่แทบทุก ร้าน มีปัก คำว่า ภูกระดึงด้วย จะซื้อเป็นที่ระลึกหรือของฝาก ก็ดีเหมือนกัน เอาไว้ใส่เวลาไปเที่ยว จะได้ปิดหู มิฉะนั้นเวลาโดน อากาศหนาวๆ เย็นๆ หู อาจจะแข็งได้
– ถุงมือ เอาไว้กันหนาวมือน่ะครับ ถ้าไม่ได้เตรียมไป หาซื้อได้ที่ร้านบนภู ราคาประมาณ 25 บาท
– ยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าไม่ได้เตรียมไปหาซื้อได้ที่ร้านบนภู ราคาเม็ดละ 10 บาท
– ยานวด จำพวกเค้าเตอร์เพลน เอาไว้นวดกล้ามเนื้อที่ปวดเมื่อย
– ผ้ายืดสำหรับพันขา อาจได้ใช้ในการขึ้น-ลงภู เพราะว่าบางรายอาจมีอาการปวดมาก ถ้าได้ผ้ายืดจะช่วยได้มาก
– ถุงเท้า เอาไว้ใส่แทบจะทุกช่วงของวัน ช่วงกลางวันถ้าใส่รองเท้าผ้าใบก็ควรจะใส่ถุงเท้าด้วย ช่วงกลางคืนก็เอาไว้ใส่
   ตอนนอน จะกันหนาวเท้าได้ดีเช่นกัน
– โลชั่นทาหน้า มิฉะนั้นจะกลับมาหน้าไหม้เพราะลมหนาว แสบมากๆ จะได้รักษาหน้าให้ หล่อสวยด้วยนะครับ
– ลิปมัน ทาริมฝีปากกันปากแตก เพราะถ้าแตกแล้วจะกินอะไรไม่อร่อย แล้วก็รำคาญอีกต่างหาก
– ไฟฉาย และถ่านไฟฉายที่มีอายุการใช้งานนานๆ เพราะต้องใช้เวลาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือใช้ขากลับหลังจากดูพระอาทิตย์ตก หรือถ้าจะต้องไปไหนหลังจากช่วง 4 ทุ่มแล้ว เพราะหลังจาก 4 ทุ่ม ทางอุทยานฯ จะดับไฟ จะมีไฟแต่ที่ศูนย์บริการนักเที่ยว และที่ห้องน้ำเท่านั้น
– ที่ชาร์จแบตเตอร์รี่โทรศัพท์มือถือและกล้อง เอาไว้ไปขอบริการชาร์จได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่เต้าเสียบจะมีจำกัด ดังนั้นจะต้องเลือกช่วงเวลา ที่จะไปชาร์จดีๆ และเราต้องอยู่เฝ้าที่ชาร์จเองด้วย ไม่มีคนดูให้นะครับ อย่างเราจะชอบไปชาร์จ ตอน 3 ทุ่ม หรือกว่านั้น เพราะแทบจะไม่มีคนเลย แต่ช่วง9-10 โมงเช้า จะค่อนข้างมีคนใช้บริการ เยอะ เผลอๆ ไม่มีเต้าเสียบเหลืออีก ก็ต้องรอกันไป นอกจากนี้ก็สามารถใช้ บริการที่ร้านต่างๆ บนภูได้เช่นกัน บางร้านอาจให้บริการฟรี บางร้านอาจคิดเงิน แต่ร้านค้าก็จะมีไฟฟ้าใช้แค่ ช่วง 6โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มเท่านั้นนะครับ
– สบู่หรือครีมอาบน้ำที่ล้างออกง่ายๆ เนื่องจากจะได้ไม่ต้องทนหนาวกับน้ำที่ล้างตัวมากเกินไป  ถ้าไม่เชื่อจะลองก็ได้นะครับ แล้วจะรู้ว่าหนาวจนปวด หรือที่เรียกกันว่าหนาวจนเข้ากระดูก น่ะเป็นอย่างไร อิอิ จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางกันเลยครับ

Grand Canyon หุบเขาที่ สุดในโลก

ความสวยงามของธรรมชาติ การสรรค์สร้างที่ต้องใช้ระยะเวลานับล้านปี ก่อกำเหนิดสถานที่สุดมหัศจรรย์ น่าทึ่ง แปลกตา และอลังการยิ่งใหญ่ และที่แห่งนั้นที่เรากำลังจะกล่าวถึงนั่นก็คือ “Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก” วันนี้ที่สุดในโลกของเราจะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวชื่นชมหุบเขาอันยิ่งใหญ่และ แปลกตามากๆแห่งหนึ่งบนโลกของเรา มาติดตามชมกันว่า Grand Canyon  จะสวยงามเหมาะที่จะไปเยือนกันบ้างซักครั้งในชีวิตหรือไม่?

Grand Canyon ตั้งอยู่ในเขตมลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันตับต้นๆของโลกเราเลยก็ว่าได้ ช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนักกับการก่อเกิดหุบเขาแบบนี้ที่ธรรมชาติได้ สร้างขึ้นให้เราได้ชมเป็นบุญตา นังหลายเรื่องของฮอลลีวู้ดนั้นได้เดินทางมาถ่ายทำที่นี่ และหลายคนก็คงเคยดูสารคดีของหุบเขาแห่งนี้มาบ้างแล้ว มาต่อกันกับข้อมูลของหุบเขาแห่งนี้กันดีกว่า Grand Canyon นั้นก่อกำเหนิดมาจากกระแสน้ำอันรุนแรงของแม่น้ำโคโลราโด ที่ได้ไหลและกัดเซาะชั้นหินในหุบเขาแห่งนี้เป็นเวลานานเมื่อน้ำนั้นแห่งลงก็ เผยให้เห็นชั้นหินที่เคยทับถมกับมาหลายล้านปี ชั้นหินเหล่านี้มีอายุทางธรณีวิทยากว่า 1.7 ล้านปีเลยทีเดียว แถบสีเป็นชั้นๆ ที่เห็นบนแนวหน้าผานั้นบงบอกถึงอายุทางธรณีวิทยาของโลกในแต่ละช่วงปีของโลก เราในอดีต บางชั้นเป็นหินดินดาน หินปูน หินทรายบงบอกถึงแต่เดิมนี้แนวหุบเขา Grand Canyon  เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อนนั่นเอง

และยังมีหลักฐานหลายอย่างที่บงบอกถึงร่องรอยอารยธรรมของผู้อยู่อาศัย บริเวณนี้มาพันกว่าปีแล้ว หลักฐานหลายอย่างมาจากร่องรอยการแกะช่องหน้าผ้าเป็นที่อยู่อาศัยนั่นเอง สำหรับการท่องเที่ยวในหุบเขา Grand Canyon สามารถทำได้หลายทางด้วยกันเช่น การเดินเท้าแต่อาจต้องใช้เวลาถึง 2 วันในการไปนอนค้างคืนและกลับขึ้นมาจาหุบเขา อีกทางคือการล่องเรือในแม่น้ำโคโลราโด ซึ่งจะสามารถชมความสวยงามของหุบเขาได้ทั้งสองฝั่งบนความยาวของแม่น้ำและหุบ เขากว่า 277 ไมล์ เลยทีเดียว

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

Grand Canyon หุบเขาที่สุดในโลก

 

จระเข้ น้ำเค็มที่มีขนาดใหญ่ที่ สุดในโลก

หลายคนคงจะทราบข่าวกันไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า เจ้า โลลอง จระเข้ น้ำเค็มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้เสียชีวิตอย่างน่าสงสัยและสร้างความโศกเศร้าให้กับ ชาวเมืองเป็นอย่างมาก และทำให้ตำแหน่ง จระเข้น้ำเค็มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นั้นว่างลง แต่ล่าสุดทางด้าน  กินเนสส์ บุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด  ได้ประกาศให้เจ้าจระเข้ที่มีชื่อว่า แคสเซียส ซึ่งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียกลายเป็น จระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตัว ใหม่ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าแคสเซียส นี้ไม่ใช่จระเข้ที่ถูกจับได้ใหม่หรือว่าพึ่งถูกค้นพบแต่อย่างใด หากแต่ว่ามันเป็นแชมน์เก่าก่อนที่คนจะจับเจ้าโลลองได้นั่นเอง ดังนั้นนี่จึงนับเป็นการกลับมาครองแชมน์จระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ สุดในโลกของมันอีกครั้ง

เจ้าแคสเซียส  เป็นจะรเข้ที่มีขนาดความยาว 5.48 เมตร ถูกจับเมื่อ 26 ปีก่อนในแม่น้ำนอร์ทเทิร์น เทอร์ริทอรี หลังจากโจมตีเรือหลายลำ และนายจอร์จ เคร็ก เป็นผู้ซื้อจระเข้ตัวนี้และนำมาที่ออสเตรเลีย  โดยเจ้าแคสเซียส อาศัยอยู่ที่อุทยานบนเกาะนอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์  ผู้เชียวชาญประเมิณว่า เจ้าจระเข้ที่ชื่อว่าแคสเซียส มีอายุประมาณ 110 ปี  เลยทีเดียว


“แคสเซียส” จระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตัวใหม่

ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ความเป็นที่สุดในโลกนั้น มีอยู่ที่หนแห่ง และวันนี้เราขอนำเสนอความเป็นที่สุดในโลกที่สามารถเคลื่อนที่ได้กับ ‘Logos Hope’ ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก น่าทึ่งใช่มั้ย ที่ว่าลอยน้ำได้นั้นเราไม่ได้เอาห้องสมุดไปโยนลงน้ำให้มันลอยน่ะครับ หากแต่เพียงว่าห้องสมุดนี้อยู่บนเรือนั่นเอง

‘Logos Hope’ ถือเป็นเรือที่ว่ากันว่าเป็นร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ”Logos Hope”  มีหนังสือเกือบทุกประเภทให้เลือกอ่าน โดยหนังสือส่วนใหญ่นั้นมาจากการบริจาคของผู้ใจบุญจากทั่วโลก และยังมีการจำหน่ายหนังสือในราคาถูกเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ซื้อหาอ่านกันอีก ด้วย เรือ ”Logos Hope” อยู่ในโครงการของ GBA Ship องค์กรการกุศลนานาชาติ ใช้วเลาและเดินทางไปกว่า 43 ประเทศ ในช่วงเวลากว่า 43 ปี

ล่าสุดเรือ ’Logos Hope’ ได้มาเยือนประเทศไทย โดยจอดเทียบท่าอยู่ที่ ท่า เรือคลองเตย กรุงเทพฯ และจะอยู่ที่เมืองไทยไปจนถึงวันที่ 11 มีนาคม 2556 นี้ 

นอกเหนือจากร้านหนังสือแล้ว ยังมีห้องแสดงนิทรรศการถาวร เพื่อบอกเล่าสิ่งที่มนุษย์ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตที่มีคุณค่าร่วมกับเพื่อนมนุษย์บนโลกใบนี้ ถัดมาเป็นร้านขายเครื่องดื่มและขนม เพื่อเติมพลังให้บริการนักอ่านที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดิน ปิดท้ายที่ห้องไลฟ์เอ็กพีเลี่ยน บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของบุคคลต่างๆ ซึ่งกิจกรรมบนเรือทั้งหมดจัดขึ้นภายใต้สโลแกนของโครงการนี้ คือ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือ และให้ความหวัง

ใครที่สนใจจะไปเยือนร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็อย่าลืมไปเยี้ ยมชมกันได้ เรือ Logos Hope จะจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ ไปจนถึงวันที่ 11 มีนาคมนี้ โดยมีค่าผ่านประตูคนละ 20 บาท ส่วนเด็กที่มีอายุไม่เกิน 12ปี สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเรือจะเปิดให้บริการในวันอังคาร-เสาร์ เวลา 10.00-21.00น. และวันอาทิตย์-วันจันทร์ เวลา 14.00-21.30น. ก่อนที่จะเดินทางไปฮ่องกงต่อไป

Doraemon : โดราเอม่อน

ประวัติ Doraemon : โดราเอม่อน (และข้อมูลลับ ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ)

https://i0.wp.com/statics.atcloud.com/files/entries/6/63488/images/1_display.jpg
โดราเอมอน หรือ โดเรมอน เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 (ค.ศ. 2112)
ลักษณะ ตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ มีหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือเซวาชิเหลนชาย ของโนบิตะ
วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลา
ไปคอย ช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดนแกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ

ต้นกำเนิิดโดเรมอน

โดราเอมอนถูกผลิตขึ้นในโรง งานสร้างหุ่นยนต์ที่เมืองโตเกียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทำให้โดราเอมอน
มี คุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่น ต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการโดราเอมอน ที่นั่น)
จน กระทั่งวันหนึ่ง ในงาน “โรบ็อต ออดิชัน” ซึ่งเป็นงานที่จัดให้มีการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิในวัยเด็ก
เขาจึงได้กดปุ่มเลือกซื้อโด ราเอมอนมาไว้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ โดราเอมอนจึงได้มาอยู่อาศัยที่บ้านของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนต์เลี้ยงเด็ก (จากตอนพิเศษ “กำเนิดโดราเอมอน ปี 2112”)
แต่ใน ต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแตกต่างกัน คือ โดราเอมอนได้ถูกนำไปขายทอดตลาด เพราะเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ จากนั้นพ่อแม่ของเซวาชิจึงมาซื้อโดราเอมอนไปไว้ที่บ้าน

แต่ เดิมนั้นตัวโดราเอมอนมีสีเหลือง และมีหู แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง
และไม่ สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว “โนราเมียโกะ” แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอทราบว่าโดราเอมอนไม่มีหู
เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่ว่าโดราเอมอนหยิบผิดกินยาโศกเศร้าแทน
ทำให้ โศกเศร้ากว่าเดิม และเริ่มร้องไห้ไม่หยุด จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่าที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียด และกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจ
ในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความ รัก

นอกจากนั้น โดราเอมอนยังมีน้องสาวชื่อโดรามี ที่จริงก็แค่ใช้เศษเหล็กแบบเดียวกันในการผลิต แต่โดเรมีใช้น้ำมันรุ่นใหม่ ขณะที่ผลิตโดราเอมอนอยู่ได้ทำชิปหล่นหายไป 1 ส่วน
จึงทำ ให้หยิบของวิเศษผิดพลาดบ่อยๆ

ข้อมูลจำเพาะของโดราเอมอน

เป็นความตั้งใจของผู้วาด การ์ตูนที่ใช้ตัวเลข 3-9-12 กับตัวละครนี้ โดราเอมอนจึงมีอะไรหลายอย่างกี่ยวกับตัวเลขชุดนี้

มี น้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม
ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร)
กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาเจอหนู)
มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า
วัดรอบ หัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร
วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วันที่ผลิตคือ ปีที่ 12 เดือน 9 วันที่ 3 (เรียงแบบปฎิทินญี่ปุ่น)

ส่วนประกอบในร่างกาย

เนื่องจากเป็นหุ่นยนต์แมวที่ ผลิตขึ้นในอนาคตคือคริสต์ศตวรรษที่ 22ตามจินตนการของผู้แต่งและวาดการ์ตูน โดราเอมอนจึงผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมีความคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ตา = ตาแสงอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด
จมูก = มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ สีแดง เหมือนกับปลายหาง มีความไวในการรับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุด จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น
หนวด = มี 6 เส้น เป็นหนวดเรดาร์ สามารถจับวัตถุระยะไกลได้ แต่อยู่ระหว่างรอซ่อมแซม
ร่างกาย = ผิวหนังเป็นโลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา
(จาก ตอนพิเศษ “ตะลุยปราสาทใต้สมุทร”) โดนของเหลวคล้ายกรดสาดใส่ก็ไม่ละลาย (จากตอนพิเศษ “ไซอิ๋ว”) แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเช่นกัน คือ แพ้อากาศร้อน
(จาก ตอนพิเศษ “ตะลุยปราสาทใต้สมุทร”) และแพ้อากาศหนาว จนถึงขั้นเป็นหวัดได้ (จากตอน “นางฟ้านำทาง”) หากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย
(จากตอน พิเศษ “บุกอาณาจักรเมฆ” และ “ฝ่าแดนเขาวงกต”)
มือ = รูปร่างกลมสีขาวไม่มีนิ้วมือ จึงไม่สามารถเล่นพันด้าย และเป่ายิ้งฉุบได้ แต่ก็สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง จริงๆ แล้วโดราเอมอนถนัดทั้ง 2 มือ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้แต่มือขวา
ไม่ค่อยใช้มือซ้ายเท่าไหร่ นัก
ปาก = ปากขนาดกว้าง สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานปรมาณู ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า “ฟู้ดคัตเตอร์” ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โดราเอมอน
โกรธจน ต้องยิงฟันเท่านั้น แต่ในตอนพิเศษ “ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006” โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน
กระพรวน = ไว้ห้อยคอ มีสีเหลือง ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่น่าเสียดายตอนนี้ใช้งานไม่ได้
กระเป๋าหน้าท้อง = กระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษ พื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือที่มักเรียกว่า
“กระเป๋า สำรอง” มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสอง จะมีมิติที่เชื่อมต่อกันของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้
เท้า = ลักษณะแบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอน
จะเป็น แบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมวย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงมีเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ
สำหรับ เวลาขี่จักรยานต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาหยั่งไม่ถึง (จากตอน “จิโซ เทพเด็กทิ่มสวรรค์”)
หาง = เป็นสวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน โดราเอมอนสามารถดึงหางเพื่อปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ไม่สามารถดึงเพื่อเปิดเองได้

สิ่งที่ชอบ-เกลียด

 

สิ่งที่ชอบที่สุดคือขนมหวาน ญี่ปุ่นที่เรียกว่า โดรายากิ (แป้งทอด) โดยสามารถกินโดรายากิขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ขนาดใหญ่เท่าห้องของโนบิตะ) ได้คนเดียวหมด
และเคยชนะเลิศการแข่งขันกิน โดรายากิเร็วมาแล้ว สาเหตุที่ชอบกินโดรายากินั้น เป็นเพราะสมัยอยู่ในศตวรรษที่ 22 โดราเอมอนเคยได้รับโดรายากิจากแมวสาว
“โนรา เมียโกะ” มันจึงกลายเป็นของโปรดของเขามาตั้งแต่บัดนั้น เขาสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการเพื่อให้ได้โดรายากิมา หากได้ยินว่ามีร้านค้าร้านไหนที่ขายโดรายากิ
ลดราคา ก็จะรีบบึ่งไปซื้อมาในทันที ซึ่งจากความชอบจนกลายเป็นของโปรดนี้เอง จึงทำให้โดราเอมอนให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติความหวานของโดรายากิเป็นอย่าง มาก
เขามักจะมีเรื่องถกเถียงกับเจ้าของร้านขายขนมบ่อยครั้ง ในเวลาที่ทางร้านทำโดรายากิออกมาหวานเกินไป

นอกจาก โดรายากิแล้ว อาหารอย่างอื่นที่โดราเอมอนชอบก็คือ ขนมโมจิ ซึ่งเคยได้กินในตอนแรกสุด ที่เพิ่งเดินทางมาหาโนบิตะด้วยไทม์แมชชีน โดยเมื่อโดราเอมอนได้กิน
ก็บอกว่า อร่อยมาก ขนาดกินจนหมดแล้วยังถึงกับเลียจานเลยทีเดียว

 

ส่วนสิ่งที่โดราเอมอนเกลียด และกลัวที่สุดคือ หนูเพราะเคยโดนหนูกัดหูจนหูแหว่งไปทั้ง 2 ข้างตอนหลับ นอกจากนั้นยังกลัว แฮมสเตอร์ ด้วย (จากตอนพิเศษ “กำเนิดประเทศญี่ปุ่น”)
เพราะ โดราเอมอนถือว่าเป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับหนู

######################################################################################

ประวัติของโดราเอม่อน ตั้งแต่จุดกำเนิด
(และลักษณะพิเศษที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ
เราจะได้ทราบกันจริงๆ ก็ตอนนี้แหล่ะค่ะ ไปดูกันเล้ย…)

Doraemon : โดราเอม่อน

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง “Doraemon” ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกันว่า
ฟูจิ โกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย
จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก

ชื่อโด ราเอมอน มาจากคำว่า…โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูน
ชื่อฮิ โรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ
บังเอิญ เหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด

การ์ตูนเรื่องโดราเอม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะ วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย
ดัง นั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา
รวมทั้ง ภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดราเอม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524
และฉาย ที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525

ส่วนประกอบต่างๆ ของ โดราเอม่อน

ของวิเศษที่โดราเอม่อนใช้บ่อยๆ

คอปเตอร์ไม้ไผ่ :
คอปเตอร์ ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Take (ไม้ไผ่) Koputa (คอปเตอร์)” เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อน
ใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งาน ง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อ ชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่ง ชม.

ประตูสารพัดสถานที่ :

หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูด ชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ
ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ

ไฟฉายย่อส่วน :
รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดราเอม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย

ไทม์แมชชีน :

เครื่องไทม์แม็คชีนเป็นพาหนะ ที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ
โดราเอ ม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อยๆ

โดราเอม่อนในประเทศ ต่างๆ
(โดราเอม่อน ในรูปแบบของชนชาติต่างๆ บางคนว่าเป็นเพื่อนของโดราเอม่อนในประเทศนั้นๆ เรามาดูว่ามีประเทศไหนบ้าง)

โดราเห ม็ดทรี : Doramed III

ประเทศที่เกิด : อาหรับ
อาชีพ : นักเวทย์มนต์
จุดอ่อน : ว่ายน้ำไม่เป็น
จุด แข็ง: มีเวทย์มนต์
ลักษณะส่วนตัว
เป็น แมวที่รวยคนหนึ่งในอาหรับ เขารู้วิธีการใช้เวทย์มนต์ เมื่อเขาโกรธ เขาจะกลายเป็นยักษ์ เขากลัวน้ำมากที่สุด (มันก็คล้ายๆ กับโดราเอม่อนที่กลัวหนูนั่นแหละ)

โดรานิคอฟ : Doranikov

ประเทศที่เกิด : รัสเซีย
อาชีพ : นักแสดง
จุดอ่อน : กลัวความหนาว
จุดแข็ง : สามารถกลายเป็นหมาป่าเมื่อเห็นวัตถุทรงกลม
ลักษณะ ส่วนตัว
เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง โดเรนิคอฟ เป็นแมวที่ช้ามากๆ ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ค่อยพูดมาก เขามักจะเขียนสิ่งที่เขาต้องการพูดลงในเศษกระดาษเท่านั้น

โดรานินโญ่ : Doraninho

ประเทศที่เกิด : บราซิล
อาชีพ : นักฟุตบอลมืออาชีพ
จุดอ่อน : ด้านความจำ
จุด แข็ง: วิ่งเร็ว
ลักษณะส่วนตัว
เขา เป็นแมวที่เล่นฟุตบอลเก่งระดับมืออาชีพ และจะเล่นฟุตบอลเกือบทุกวัน เขามีความหวังทางด้านความจำของเขา เขามักจะลืม สิ่งต่างๆ แล้วชอบหัวเราะในสิ่งที่คนอื่นๆ
ไม่หัวเราะกัน เขาวิ่งได้เร็วมาก สมกับที่เป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ

โดราเดอะคิด : Dora The Kid

ประเทศที่เกิด : นิวยอร์ค อเมริกา
อาชีพ : เป็นผู้ช่วยของบริษัท
จุดอ่อน : กลัวความสูง
จุดแข็ง: แม่นปืน
ลักษณะ ส่วนตัว
โดราเดอะคิดมีประโยชน์ และเป็นแมวที่กล้าหาญมาก เขาช่วยให้อเมริกาพ้นจากความหายนะเป็นอย่างมาก เขาก็ทำงานในบริษัทในยุคศตวรรษที่ 21

หวังโดรา : Wang Dora

ประเทศที่เกิด : จีน
อาชีพ : เลขานุการของโรงพยาบาล
จุดอ่อน : ผู้หญิง
จุด แข็ง: การเรียน กังฟู เป็นหมอที่ดี
ลักษณะส่วนตัว
เขา เป็นแมวที่ฉลาด เป็นหมอที่ดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น ความสามารถเฉพาะตัวเขาคือกังฟู แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นผู้หญิงเขามักจะเซ่อซ่า ทำอะไรไม่ถูก

เอล-มาทาโดรา : El matadora

ประเทศที่เกิด : สเปน
อาชีพ : ทำงานในร้านอาหารฟาสท์ฟูด
จุดอ่อน : นอนมากเกินกว่าปกติ เมื่อเขาเหนื่อย
จุดแข็ง: แข็งแรง มีกำลังมาก
ลักษณะ ส่วนตัว
เขาเป็นแมวที่หล่อ เขาทำงานในร้านอาหารฟาสฟูด เพราะเขามีพลกำลังมากจึงทำจานแตกบ่อยๆ และเขาก็โดนเจ้าของร้านดุบ่อยๆ เช่นกัน เป็นนักสู้วัวกระทิง
ชอบพิซซ่า และ อาหารสเปนเป็นที่สุด

######################################################################################

ตัวละครสำคัญในการ์ตูน โดราเอม่อน

โนบีตะ

เด็ก ผู้ชายคนหนึ่งที่แสนจะขี้เกียจ เรียนไม่เก่ง มักจะสอบได้ 0 คะแนนอยู่เสมอ ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ชอบนอนกลางวันและชอบอ่านการ์ตูน เป็นเด็กตัวเล็ก
อ่อนแอ และมักจะถูกเพื่อนแกล้งอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะไจแอนท์ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ยากที่จะไปจีบชิซุกะ แต่ในที่สุดแล้วโนบิตะก็ได้แต่งงานกับชิซุกะอยู่ดี
มีข้อดี อยู่เหมือนกันก็คือ ยิงปืนเก่ง

ชิซูกะ

เด็ก ผู้หญิงนิสัยดี เป็นนางเอกของเรื่อง เรียนเก่ง มักจะทำคะแนนสอบได้ดีเสมอ เป็นเพื่อนกับโนบิตะ ชอบอาบน้ำ และชอบไปเล่นกับโนบิตะและโดเรมอนเสมอ
เมื่อ โตขึ้นจะได้แต่งงานกับโนบิตะ

ซูเนโอะ

โฮเนะคา วะ ซูเนโอะ เด็กผู้ชายปากแหลมบ้านรวย เป็นเด็กที่ชอบโกหกและขี้โกง แต่ก็ฉลาด เป็นลูกน้องไจแอนท์ คอยแกล้งโนบิตะอยู่เสมอ ชอบเอาของเล่นใหม่ๆไปอวดเพื่อนที่โรงเรียน
แต่แล้ว ก็โดน ไจแอนท์แย่งไปเล่นทุกที ถึงแม้ว่าซูเนโอะจะเป็นเด็กขี้โม้และหัวสูง แต่ก็มีนิสัยดีอยู่บ้าง

ไจแอนท์

เด็ก ผู้ชายตัวอ้วน และแข็งแรง ชอบแกล้งโนบิตะแต่เมื่อถึงเวลาคับขันก็จะช่วยคนอื่น ชื่อจริงชื่อทาเคชิ มีน้องสาวหนึ่งคนรักน้องสาวมาก กลัวแม่เป็นที่หนึ่ง
มักจะทำ คะแนนสอบไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เท่าโนบิตะ ไจแอนท์ไม่ค่อยชอบซูเนโอะและโนบิตะ ที่มักจะมีของเล่นแปลกๆอยู่เสมอ ชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เขามักจะ
บังคับ ให้เพื่อนๆไปดูคอนเสิร์ตของเขาเสมอ แต่ร้องไม่เอาไหน จนคนที่ฟังอยู่ต้องคอยอุดหูไว้ตลอด มีความฝันว่า โตขึ้นจะต้องเป็นนักร้องเหมือนพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตยให้ได้

โดเรมี


เป็น น้องสาวที่น่ารักของโดราเอมอน โดเรมีสามารถทำทุกอย่างที่โดเรมอนทำได้ เธอมีกระเป๋าวิเศษ โดเรมีเป็นแมวหุ่นยนต์ที่สุภาพ และ ไม่ขี้บ่นเหมือนโดราเอมอน
โดเรมีไม่ได้อาศัยอยู่กับโน บิตะ และ โดราเอมอน แต่เธอมักจะมาช่วยในหลายๆ เหตุการณ์ หรือ ปัญหา ที่โดราเอมอนไม่สามารถแก้ไขได้

เดคิซูกิ

ถือเป็น เด็กที่เก่งไปหมดทุกอย่าง สอบได้คะแนนดีมาก เล่นกีฬาเก่ง และ จะเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ
เดคิซูกิเป็นเด็กที่มีนิสัย ใจดีมาก ถ่อมตน และ ไม่พูดจาโอ้อวด
โนบิตะมักจะพยายามหาวิธีให้ เดคิซูกิทำการบ้านให้

######################################################################################

กำเนิด โดราเอมอน และ 10 การผจญภัยที่น่าจดจำ

กำเนิดโดราเอมอน

โดราเอมอนถือกำเนิดขึ้นในปี 2112 และถูก เชวาชิ เหลนของเหลนของโนบิตะ ขอร้องให้เดินทางไปแก้ไขชีวิตอันแสนจะย่ำแย่ของบรรพบุรุษ

10 การผจญภัยของโดราเอมอนที่น่าจดจำ

หลังจากตอนแรกที่การผจญภัย ของโดราเอมอนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ตลอดระยะเวลา 25 ปี ได้มีตอนใหม่ ๆ ออกมาตลอดทุกปี จึงถือเป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่นเขา
ที่ หนึ่งปีต้องสร้างโดราเอมอนออกฉาย 1 ตอน ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้ผ่านมาถึงตอนที่ 24 แล้ว….ฉบับนี้เราคัด 10 ตอนที่โดดเด่นที่สุดของโดราเอมอน ย้อนรำลึกให้ได้หายคิดถึง….

ไดโนเสาร์ของโนบิตะ

เนื้อเรื่อง: โนบิตะได้ไปขุดหาไข่ไดโนเสาร์เพื่อให้เพื่อน ๆ ของเขายอมรับ ว่าบนโลกนี้ยังมีไดโนเสาร์อยู่ และแล้วโนบิตะก็ไปเจอก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งโนบิตะคิดว่ามันเป็นไข่
โดราเอ มอนจึงช่วยทางอ้อมให้ฟักออกมาเป็นตัว ไดโนเสาร์พันธุ์คอยาว (นึกไม่ออกดูหน้าเนสซี่ครับ) ชื่อว่า พีซึเกะ แต่เพราะสภาวะปัจจุบันไม่เหมาะสม ทำให้ต้องจำใจพามันย้อนกลับไป
ยังยุค ไดโนเสาร์ สุดท้ายโนบิตะ, โดราเอมอน และกลุ่มเพื่อนก็ต้องย้อนกลับไปช่วยพีซึเกะ เพื่อพาไปยังที่อยู่ที่แท้จริงของมัน นี่คือที่มาของการเดินทางในครั้งนี้…

สิ่งที่ ทำให้น่าจดจำ:โลกที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์สิ่งเหล่านี้คือความใฝ่ฝันของเด็ก ๆ แทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเจอะเจอ ไทแรนโนซอรัส ด้วยตาตัวเอง เด็ก ๆ
ทุกคน จึงมักจินตนาการใฝ่ฝันว่าบนโลกนี้ยังมีไดโนเสาร์อยู่ และเหนือสิ่งอื่นใด นี่คือ การผจญภัยของโดราเอมอนตอนแรกเริ่มครับ!

โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ

เนื้อเรื่อง: มีอยู่วันหนึ่ง โนบิตะฝันว่าตัวเองอยู่ในที่อีกที่หนึ่ง เป็นยานอวกาศที่มีสัตว์เลี้ยงลักษณะเหมือนแมว แล้วมีเด็กผู้ชายอีกหนึ่งคนอยู่ด้วย แต่ยังไงโดราเอมอนก็ไม่เชื่อ
จู่ ๆ คืนหนึ่งแมวตัวนั้นก็โผล่ออกมาจากใต้ที่นอนของโนบิตะ… โนบิตะกับโดราเอมอนได้รู้จักกับเด็กผู้ชายที่ชื่อ โรพอล จากดาวโคยะ ดวงดาวที่มีสัตว์รูปร่างประหลาด ๆ
และธรรมชาติที่สวยงามแต่ก็มี พวกกลุ่มคนร้ายคิดยึดครองดวงดาว ทำให้โนบิตะต้องร่วมแรงใจกับเพื่อน ๆ เพื่อปกป้องดวงดาวแห่งนี้….

สิ่งที่ทำให้น่าจดจำ:นี่คือ ตอนต่อหลังจากความสำเร็จของตอนแรกเป็นการเล่าเรื่องของโลกอีกฟากที่ยากต่อ การจินตนาการ ใครจะรู้ว่าดวงดาวอีกฟากมีสัตว์รูปร่างแปลกตา
กว่า โลกของเราขนาดไหน!? เหมือนได้ดูหนังไซไฟจินตนาการสูงส่ง การผจญภัยครั้งนี้คุณจะได้เห็นถึงความกล้าหาญชั้นสูงสุดของโนบิตะด้วยครับ

ตะลุยปราสาทใต้สมุทร

เนื้อเรื่อง:เข้าถึงวันหยุด ฤดูร้อนกลุ่มโนบิตะกับเพื่อนต่างคนต่างต้องการไปคนละสถานที่โนบิตะกับซิซุกะ อยากไปภูเขา แต่ไจแอนท์กับซูเนโอะอยากไปทะเล
สุดท้าย โดราเอมอนต้องแก้ปัญหาด้วยการพาไปปีนภูเขาใต้ท้องทะเล ทั้งสี่ตอบตกลง โดยไจแอนท์กับซูเนโอะมีเล่ห์นัยอยู่นิด ๆ และทั้ง 5 ก็ออกเดินทางไปใต้มหาสมุทรแปซิฟิก
พร้อมกับรถเดินทางที่มีชื่อ ว่า บัคกี้ และได้พบกับการผจญภัยครั้งใหม่ ที่มีทั้งปลาหมึกยักษ์, มนุษย์ใต้สมุทร และปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า….

สิ่งที่ ทำให้น่าจดจำ:ลองนึกสิครับว่า ถ้าคุณสามารถเดินทางใต้ทะเลได้คุณจะไปมั้ย!? มีทั้งปลาทะเลหายาก ปะการังสีสวยงาม โดยเราหายใจในทะเลได้สบาย ๆ
เป็น ใครก็อยากไปเชื่อเหอะ! และนี่ก็เป็นอีกตอนที่แสดงออกมาให้เห็นถึงจิตนาการของฟุจิโกะ ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกสนานแฝงสาระ

สงครามอวกาศ

เนื้อเรื่อง:มีอยู่คืนหนึ่ง โดราเอมอนกับโนบิตะได้พบกับ พาพิ ประธานาธิบดีของดาวพิริก้า ที่ดวงดาวแห่งนั้นเกิดการกบฏขึ้นทำให้ต้องหนีมาโลก แต่กลุ่มกบฏก็ยังตามมา
แล้ว จับตัวซิซุกะไปเป็นตัวประกัน ทำให้พาพิต้องใช้ตัวเองแลกกับตัวซิซุกะ พวกกลุ่มเด็กทั้ง 5 จึงต้องออกเดินทางไปดวงดาวพิริก้า
เพื่อ ช่วยพาพิและปกป้องดวงดาวพิริก้าให้รอดปลอดภัย…

สิ่งที่ ทำให้น่าจดจำ:ในช่วงที่มีเหตุวุ่นวายเกี่ยวกับสงครามออกมาให้ได้ยินได้ฟัง ตลอดเวลาส่งผลให้การ์ตูนตอนนี้สอนให้เด็ก ๆ รู้ว่า การทำสงครามแย่งชิงกัน
เพื่อ ความยิ่งใหญ่ของตัวเองหาใช่วิธีการที่ถูกต้อง สันติวิธีกับความสามัคคีต่างหากที่ทำให้โลกใบนี้สงบสุข

กำเนิดประเทศญี่ปุ่น

เนื้อเรื่อง:โนบิตะรู้สึกว่า ชีวิตส่วนตัวถูกบังคับมากเหลือเกิน จึงต้องการที่จะไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บวกกับเพื่อน ๆ ทั้งหลายก็ทะเลาะกับที่บ้าน รวมทั้งโดราเอมอนด้วย
(เพราะ ที่บ้านต้องการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์) ทำให้ทั้ง 5 ได้เดินทางไปยังโลกในสมัยอดีตเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน เพื่อสร้างประเทศของพวกเขา การมาครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้พบกับ
คุคุรุ เด็กน้อยจากเผ่าแสงสว่าง (แต่ถูกห้วงมิติดูดมาอยู่ในโลกปัจจุบัน) เพื่อช่วยคุคุรุกำจัดเผ่าความมืดซึ่งได้ออกมาทำลายเผ่าต่าง ๆ หวังครองโลก ทำให้เด็กทั้ง 5
ต้องออกเดินทางอีกครั้ง โดยพยายามไม่ให้แผนของเจ้า กิกะ ราชาของเผ่าความมืด ดำเนินการได้สำเร็จ….

สิ่ง ที่ทำให้น่าจดจำ:เป็นการเล่าเรื่องราวในโลกอดีต ซึ่งได้ถ่ายทอดให้เห็นการดำเนินชีวิตแบบคนโบราณ อีกทั้งความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และที่แน่ ๆ ครับ
สัตว์ เลี้ยงทั้ง 3 ของโนบิตะ คือสามสัตว์สุดยอดของตำนาน!!!

บุกอาณาจักรเมฆ

เนื้อเรื่อง:โนบิตะต้องการไป อยู่บนโลกสวรรค์ จึงเดือดร้อนต่อโดราเอมอนอีกครั้ง จากความต้องการของโนบิตะ โดราเอมอนได้สร้างอาณาจักรบนท้องฟ้าขึ้นมา
โดยใช้ ก้อนเมฆช่วยสร้าง และได้ชวนเพื่อนทั้ง 3 มาเล่นด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพวกโนบิตะได้เข้าไปผิดก้อนเมฆ ทำให้ได้พบกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนฟ้า
ทำให้ เด็กทั้ง 5 ล่วงรู้ถึงแผนการของคนบนฟ้า ว่าจะทำให้น้ำท่วมโลก (แผนการโนอาห์) เด็กทั้ง 5 ต้องออกมาปกป้องบ้านเกิดของตัวเองให้รอดปลอดภัย…

สิ่งที่ ทำให้น่าจดจำ:การผจญภัยครั้งนี้เป็นการสอนให้รู้จักรักษาธรรมชาติของโลกเรา เอาไว้ ถ้าไปทำลายมันมากเท่าไหร่ไม่แน่ว่าอนาคตของโลกเราอาจเกิด
เหตุการณ์ น้ำท่วมโลกขึ้นมาจริง ๆ ก็เป็นได้!

สามอัศวินในจินตนาการ

เนื้อเรื่อง:โนบิตะต้องการ ให้โดราเอมอนสร้างโลกแห่งความฝันขึ้นมา จึงได้ใช้เครื่องมือชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘เครื่องมือช่วยฝัน’ ซึ่งสามารถผจญภัยไปยังโลกต่าง ๆ ได้
โดยใช้เทปแห่งความฝันเป็นตัว เลือกความฝัน… โนบิตะเลือกสามอัศวินในจินตนาการเป็นความฝันของเขา เมื่อเข้าไปสู่โลกของนิทาน โนบิตะต้องออกผจญภัยอีกครั้ง
เพื่อ ให้ตัวเองได้เป็นสุดยอดอัศวิน (และพิชิตใจองค์หญิง)….

สิ่ง ที่ทำให้น่าจดจำ:หลังจากอาจารย์ได้เน้นหนักประเด็นเรื่องไปที่หลักวิทยา ศาสตร์หลายครั้ง และแล้วอาจารย์ก็กลับมาสู่จินตนการในแบบเด็ก ๆ อีกครั้ง…
การผจญภัยแบบอัศวิน เด็กคนไหนก็ต้องอยากเป็นทั้งนั้นแหละครับ การต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่น่ากลัว ทั้งยังต่อสู้กับพ่อมดแบบไม่คิดชีวิต โดยที่ตัวเราไม่บาดเจ็บเพราะมัน
คือโลก แห่งความฝัน!

ตะลุยเมือง ตุ๊กตาไขลาน

เนื้อเรื่อง:โดราเอมอนได้รับ คูปองแลกดาวเคราะห์น้อยมา แล้วโนบิตะก็แลกมาได้หนึ่งดวง ซึ่งพวกเด็ก ๆ ตกลงที่จะสร้างอาณาจักรตุ๊กตาไขลานโดยต่างฝ่ายต่างสร้าง
ในสิ่ง ที่ตนเองชอบอยู่มาวันหนึ่งมีโจรร้ายได้แอบเข้ามาในอาณาจักรหวังที่จะขโมยทอง จึงเกิดเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเด็กบนโลกที่มีแต่ตุ๊กตาเดินได้….

สิ่ง ที่ทำให้น่าจดจำ:เป็นตอนที่เปี่ยมจินตนาการเกี่ยวกับเมืองที่มีตุ๊กตาเดินไป มา ในแบบที่เด็ก ๆ ชอบ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่ชอบเล่นตุ๊กตาเป็นชีวิตจิตใจ
และนี่ เป็นตอนสุดท้ายที่อาจารย์ฟุจิโกะทำก่อนที่ท่านจะจากไป!

ตำนานสุริยกษัตริย์

เนื้อเรื่อง:หลังจากที่เด็ก ทั้ง 5 เล่นกันอยู่ แต่แล้วเครื่องเล่นกลับโดนไจแอนท์แย่งเอาไปใช้ จึงเกิดเรื่องชุลมุนขึ้นระหว่างเอาของคืน ส่งผลให้ช่องกาลเวลาชำรุดไปโผล่ที่แห่งหนึ่ง
ซึ่ง เป็นโลกที่มีอารยะธรรมโบราณและทำให้ได้พบกับ เจ้าชายทีโอ (ที่มีหน้าตาเหมือนโนบิตะแทบจะถอดแบบกันเลย) เจ้าชายแห่งประเทศมายา เนื่องจากหน้าตาที่เหมือนกันมาก
ทำให้ทั้งสองต้องการลองใช้ ชีวิตแลกเปลี่ยนกันดู โนบิตะไปเป็นเจ้าชาย ส่วนทีโอเป็นโนบิตะ ไม่นานหลังจากนั้น กุกุ เพื่อนของเจ้าชายทีโอ ก็ถูก แม่มดเลดีน่า จับตัวไป
เด็ก ทั้ง 5 กับเจ้าชายทีโอจึงต้องออกเดินทางไปช่วยเหลือกุกุ….

สิ่ง ที่ทำให้น่าจดจำ:นี่คือการ์ตูนตอนแรกที่ออกฉายช่วงเริ่มต้นทศวรรษ 2000 จึงได้มีการพัฒนาลายเส้นของการ์ตูนออกมาให้มีสีสันมากกว่าตอนเดิม ๆ ที่เคยเข้าฉาย
และการผจญภัยครั้งนี้ ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นโดราเอมอนเอาไว้ครบถ้วนสมบูรณ์

อัศวินแดนวิหค

เนื้อเรื่อง:หลังจากโนบิตะ ได้ฟัง เดคิสุงิ เล่าว่าเรื่องราวของมนุษย์นกโนบิตะสนใจที่จะบินให้ได้ จึงคิดสร้างเครื่องบินขึ้นมา แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้พบกับ กูซึเกะ นกที่มีรูปร่างเหมือนคน…
ไจแอนท์กับซูเนโอะได้แอบเกาะ เครื่องร่อนของกูซึเกะไปด้วย ทำให้โดราเอมอน, โนบิตะ และซิซุกะต้องเดินทางไปยังอาณาจักรเบิร์ดเปีย เมืองของกูซึเกะ
และ แล้วการผจญภัยของเด็กทั้ง 5 ก็เริ่มต้นขึ้น…

สิ่งที่ ทำให้น่าจดจำ:ด้วยการผจญภัยที่คงเอกลักษณ์ความเป็นโดราเอมอน เหมาะกับทุก*** ทุกวัย โดยการผจญภัยครั้งนี้เน้นจินตนาการถึงมนุษย์ที่สามารถบินได้
(เชื่อ ว่าใคร ๆ ก็อยากไปมาบนท้องฟ้า) ทำให้ตอนนี้เป็นหนึ่งในตอนที่ดูสนุกมาก นับจากการจากไปของอาจารย์ฟุจิโกะ

ความลับที่ควรรู้ เกี่ยวกับโดราเอมอน

1. เชื่อหรือไม่ว่า โดราเอมอนมีเลขที่เกี่ยวข้องคือ 129.3 ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ส่วนสูง และปีเกิด (3-9-2112) ที่ต้องมีตัวเลขเท่านี้ เพราะอาจารย์ฟุจิโกะได้นำส่วนสูง
โดยเฉลี่ยของเด็กญี่ปุ่นที่ อยู่ในชั้น ป.4 มาคำนวณ เพื่อให้ได้ส่วนสูงเท่า ๆ กับโนบิตะที่อยู่ชั้น ป.4 นั่นเอง
2. คุณรู้ไหมว่า ตอนแรกนั้นโนบิตะของเราต้องแต่งงานกับใคร คำตอบครับ…. น้องสาวของไจแอนท์ ที่ชื่อว่า ไจโกะ นั่นเอง ต้องขอบคุณเชวาชิ เหลนของเหลน โนบิตะ
ที่ทำ ให้ได้แต่งงานกับซิซุกะ
3. ความหมายของชื่อโนบิตะ ที่พ่อและแม่ของโนบิตะตั้งให้ แปลว่า…. ความหวังที่จะให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง และก้าวหน้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
4. โดเรมี่ เกิดหลังโดราเอมอน 2 ปี และได้ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1973
5. การ์ตูนโดราเอมอน ตีพิมพ์รวมเล่มฉบับแรกเมื่อปี 1974
6. รู้รึเปล่าว่า… ทีมนักพากย์การ์ตูนโดราเอมอนที่ญี่ปุ่น เป็นชุดเดียวกันตลอดตั้งแต่เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 1979 และรู้รึเปล่าว่า… คนพากย์โนบิตะเป็นผู้หญิงครับ
7. ถ้าคุณลองกลับไปอ่านการ์ตูนเรื่อง ปาร์แมน จะเห็นว่าตัวเอกหญิงของการ์ตูนปาร์แมน ชื่อว่า โฮชิโนะ สุมิเระ เธอคือดาราดังในเรื่องโดราเอมอนด้วย
8. ได้มีการโหวตคะแนนตัวการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาล 100 ตัว ของญี่ปุ่น ซึ่งจัดในปี 2002 โดยสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮึ และตัวละครของอาจารย์ฟุจิโกะได้ไปถึง 8 ตัว
แน่ล่ะว่าโดราเอมอนได้อันดับที่ 1 โดยอันดับที่ 2 คือ ซุนหงอคง จาก ดรากอนบอลล์ นั่นเอง
9. โดราเอมอนถือเป็นการ์ตูนที่ไม่มีตอนจบ (ซึ่งมีอยู่น้อยมากที่จะเกิดขึ้น) แม้ว่าทางอาจารย์ได้มีการเขียนตอน “ลาก่อนโดราเอมอน” ออกมาก็จริง แต่ทว่ากระแสของแฟน ๆ
การ์ตูนที่ไม่ต้องการให้จบ ทำให้อาจารย์ต้องนำกลับมาเขียนต่อ จนอาจารย์ได้จากโลกนี้ไปเสียก่อน

ประวัติ ผู้แต่ง


อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิดเมื่อ 1 ธันวาคม 1933 ที่เมืองทากาโอกะ จ.โทยามะ ชีวิตการเป็นนักเขียนการ์ตูนของท่าน เริ่มต้นเมื่อปี 1944 อาบิโกะ โมโตโอะ เด็กวัยรุ่นๆ เดียวกับท่าน
ย้ายมาอยู่ที่เมืองทากาโอกะ ทั้งคู่ได้รู้จักกันจากการเรียนชั้นเดียวกัน ตอนเรียนป.5 ในปี 1946 ทั้งคู่ได้เลือกเรียนในโรงเรียนช่าง เทคนิคด้วยกัน

ในปี 1947 ทั้งคู่ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง “ชินทาการะจิมะ” (เกาะมหาสมบัติใหม่) ของ อ.โอซามุ เทะซึกะ นั่นเป็นการ์ตูนที่ทำให้ทั้งคู่เกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน
ทั้ง คู่เริ่มเขียนการ์ตูนออกมา และพิมพ์จำหน่ายในละแวกบ้านเกิด ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนมาเรื่อย เริ่มสะสมชื่อเสียงมาทีละน้อย เมื่อเริ่มมีคนรู้จักทั้งคู่ก็ย้าย ออกจาก โทยามะ
มาอยู่ ในเมืองใหญ่อย่างเกียวโต

ปี 1963 ทั้งคู่ได้ร่วมกับนักเขียนไฟแรงอีกหลายคนในยุคนั้น ร่วมกันสร้าง “STUDIO ZERO” ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ รับทำงาน ด้านอะนิเมขึ้นมา แต่ทั้งอ.ฟุจิโมโตะ กับ อ.อาบิโกะ
ก็ยังคงมีงานหนังสือการ์ตูน ออกมาเรื่อยๆ ในหลายๆนามปากกา อาทิ อาชิสึกะ ฟุจิโอะ ในปี 1953 และชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ นั้นเริ่มใช้ในปี 1954 โดยแบ่งเป็น
FUJIKO-F. FUJIO หมายถึง อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรช ิ และ FUJIKO-FUJIO A หมายถึง อ.อาบิโกะ โมโตโอะ

ในปี 1970 ทั้งคู่ก็ร่วมกันสร้างงานประวัติศาสตร์ “โดราเอมอน” ขึ้นมา ยุครุ่งเรืองก็ดำเนินเรื่อยมา
ในปี 1988 ทั้งคู่ก็ยุติการใช้ชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ และ อ.ฟุจิโมโตะ ก็ยุติบทบาทการเป็นนักเขียนการ์ตูนนับแต่ นั้นมา
อ.ฟุจิ โมโตะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1996 ขณะอายุ 62 ปี

อาจารย์ฟุจิโกะ เอฟ ฟุจิโอะ ผู้ให้กำเนิดโดราเอมอน

อาจารย์ฟุจิโกะมีชื่อจริงว่า ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 1933 (นับตามรูแบบของญี่ปุ่น จะเรียกว่า ปีโชวะที่ 8) ที่อำเภอทาคาโอกะ จังหวัดโทะยามะ….
อาจารย์ ฟุจิโกะ จบจากโรงเรียนศิลปะการช่างทาคาโอกะ…. เข้าสู่วงการการ์ตูนโดยได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์เท็ตซึกะ โอซามุ ผู้เขียนผลงานเอาไว้มากมายอย่างเช่น เจ้าหนูปรมาณู

อาจารย์ เข้าสู่วงการพร้อมกับเพื่อนของอาจารย์ที่ชื่อว่า อาบิโกะ โมโตโอะ เพื่อนที่เจอกันมาตั้งแต่โรงเรียนประถม เทย์ซึกะ… ผลงานชิ้นแรกเริ่มของอาจารย์ทั้งสองท่าน
คือ เรื่อง นางฟ้าทามะจัง ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไมนชิโชกักคุเซ ในปีโชวะที่ 26 (1951)…. หลังจากนั้นก็เข้าโตเกียว และได้เป็นนักวาดการ์ตูนเต็มตัวในปีโชวะที่ 29 (1954)
ทั้งสอง ใช้นามปากการ่วมกันว่า ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ…. ในช่วงนี้ท่านทั้งสองได้สร้างผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผีน้อยคิวทาโร่, ปาร์แมน, เอสเปอร์สาวน้อยพลังจิต และแน่นอนโดราเอมอน

ในปีโช วะที่ 62 (1987) อาจารย์อาบิโกะได้ขอแยกตัวออกมา โดยใช้ชื่อว่า ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เอ…. หลังจากนั้นอาจารย์ก็ใช้ชื่อว่า ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ และได้สร้างสรรค์ผลงาน
ออกมาอยู่ตลอด… ท่านจากโลกใบนี้เมื่อปีเฮเซที่ 8 (1996) ในวันที่ 23 กันยายน ด้วยโรคทางตับ… ผลงานเรื่องสุดท้ายของท่านคือ โนบิตะกับเมืองของเล่น
ที่ เป็นผลงานชิ้นที่ 18 ของท่าน (ท่านไม่สามารถสร้างสรรค์จนแล้วเสร็จ และจากโลกนี้ไปด้วยอายุเพียง 62 ปี)